เมื่อเร็วๆนี้ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) ศูนย์ดัชนีการอ้างอิงวารสารไทย (หรือศูนย์ TCI) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) และ ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) จัดประชุม“นโยบาย ผลสัมฤทธิ์ และ การมอบรางวัลแก่วารสารในโครงการ TCI-TSRI-Scopus Collaboration Project” แก่บรรณาธิการและกองบรรณาธิการวารสารของไทยจำนวนมากกว่า 200 คน เพื่อสื่อสารผลดำเนินงานภายใต้ โครงการพัฒนาศักยภาพและเพิ่มผลผลิต/การอ้างอิงของผลงานวิจัยในมหาวิทยาลัยไทยสู่ฐานข้อมูลสากล โดยมี ศ.กิตติคุณ นพ.สุทธิพร จิตต์มิตรภาพ ประธานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (กสว.) ศ.ดร.ณรงค์ฤทธิ์ สมบัติสมภพ หัวหน้าศูนย์ดัชนีการอ้างอิงวารสารไทย รศ.ดร.คมกฤต เล็กสกุล ผู้อํานวยการกลุ่มภารกิจการพัฒนาวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (ววน.) ด้านกําลังคนและสถาบันความรู้ สกสว. ดร.ชัย วุฒิวิวัฒน์ชัย ผู้อํานวยการศูนย์เนคเทค ดร.กัญญวิมว์ กีรติกร รองอธิการบดีอาวุโสฝ่ายวิจัยและนวัตกรรม มจธ. เข้าร่วมการประชุมและมอบรางวัล

.

โอกาสนี้ ศ.กิตติคุณ นพ.สุทธิพร กล่าวว่า ในอดีตที่ผ่านมาการเผยแพร่ผลงานวิจัยในวารสารวิชาการไทยยังไม่เป็นที่ยอมรับมากนักในระดับนานาชาติมากนัก ซึ่งสาเหตุส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะมาตรฐานและคุณภาพของวารสารไทย ทั้งที่การตีพิมพ์ผลงานวิชาการนั้น เป็นเครื่องมือสำคัญในการพัฒนาคุณภาพผลงานและความเชี่ยวชาญของนักวิจัย อีกทั้งการตีพิมพ์ผลงานวิชาการ โดยเฉพาะการตีพิมพ์ลงในวารสารวิชาการนานาชาติ จะช่วยให้สังคมส่วนใหญ่ และ ประชาคมโลกรับรู้ถึงความสามารถ และ ความก้าวหน้าทางด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมของไทย ดังนั้นตนในฐานะที่เคยเป็นบรรณาธิการวารสารมาก่อน จึงอยากจะขอฝากโจทย์สำคัญให้ดำเนินการต่อ ว่าจะต้องทำอย่างไรให้นักวิชาการทั่วโลกเข้าใจและยอมรับวารสารไทยมากขึ้น และทำอย่าง ให้องค์ความรู้ ที่ได้จากกระบวนการวิจัยของไทย เข้าสู่ระบบฐานข้อมูลกลางที่นักวิชาการทั่วโลกเข้าไปค้นหาได้มากขึ้น

.

ด้าน รศ.ดร.คมกฤต กล่าวว่า ช่วงระยะเวลาตั้งแต่ ค.ศ.2005-2017 มีจำนวนวารสารไทยอยู่ในฐานข้อมูล Scopus เพียง 28 วารสาร (Scopus คือฐานข้อมูลสากลที่รวบรวมวารสารจากประเทศต่างๆ ทั่วโลกจำนวน 27,950 รายการ และเป็นฐานข้อมูลหลักที่ใช้ในการจัดอันดับมหาวิทยาลัยโลก) จากสถิติพบว่า Scopus ใช้เวลาในการพิจารณาวารสารไทยเข้าฐานข้อมูลเฉลี่ย 16 เดือน/วารสาร และอัตราการรับวารสารไทยเข้าฐานข้อมูลนี้อยู่ที่ 23% เท่านั้น นอกจากนี้ ยังพบว่า วารสารไทยที่ได้รับการบรรจุใน Scopus แล้ว ยังมี Journal Quartile ที่ต่ำ คือวารสารส่วนใหญ่อยู่ใน Quartile 4 หรือไม่มี Quartile รวมทั้งไม่มีวารสารไทยอยู่ใน Quartile 1 เลย

.

ดังนั้น สกสว.และหน่วยงานที่ร่วมจัดงานในครั้งนี้ จึงดำเนินการโครงการพัฒนาศักยภาพและเพิ่มผลผลิต/การอ้างอิงของผลงานวิจัยในมหาวิทยาลัยไทยสู่ฐานข้อมูลสากล โดยใช้กลไกการพัฒนาคุณภาพวารสารไทยให้มีมาตรฐานสากล และผลักดันให้ได้รับการบรรจุในฐานข้อมูล Scopus จำนวน 40 รายการ ภายใน ปี 2017-2020 ในการนี้ ศูนย์ TCI ร่วมกับบรรณาธิการวารสาร ได้ใช้เวลาประมาณ 6-12 เดือน ในการพัฒนาคุณภาพวารสารแต่ละรายการ จนวารสารมีคุณภาพระดับสากล และได้รับการยอมรับบรรจุในฐานข้อมูล Scopus ทั้ง 40 รายการคือมีอัตราการรับวารสารเข้าฐานข้อมูลนี้เป็น 100% และ Scopus ใช้เวลาในการพิจารณาโดยเฉลี่ย 24 วันเท่านั้น นอกจากนี้ ในช่วงปี 2020 เป็นต้นมา จำนวนวารสารไทยใน Scopus มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น ดังนั้นเพื่อพัฒนาคุณภาพวารสารไทยจำนวน 46 รายการในฐานข้อมูล Scopus ให้มีคุณภาพสูงยิ่งขึ้น สกสว. ได้สนับสนุนงบประมาณเพิ่มเติมในโครงการพัฒนาระบบและปรับปรุงคุณภาพวารสารไทยในฐานข้อมูล Scopus ในปี 2020-2022 เพื่อพัฒนาคุณภาพวารสารและคุณภาพบทความของนักวิชาการไทยในวารสารไทยทั้งในเชิงการบริหารจัดการและเชิงคุณภาพ รวมทั้งยกระดับ Journal Quartile ของวารสารไทยใน Scopus ให้มี Quartile ที่สูงขึ้น

.

เช่นเดียวกับ ศ.ดร.ณรงค์ฤทธิ์ กล่าวถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นว่า หลังจากสิ้นสุดการดำเนินงานทั้งสองโครงการดังกล่าว คือ จำนวนผลงานวิจัยในรูปแบบบทความประเภท article and review ของประเทศไทยระหว่างปี 2017-2022 มีอัตราการเติบโตสูงขึ้นถึง 101% เมื่อเทียบกับ 37% ในช่วงก่อนมีโครงการนี้คือปี 2012-2017 ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศในอาเซียน พบว่าประเทศไทยมีจำนวนบทความในฐานข้อมูล Scopus เพิ่มขึ้นอยู่ในอัตราที่สูงกว่าจำนวนบทความของประเทศสิงคโปร์ ซึ่งนับเป็นครั้งแรกในรอบ 25 ปีที่ประเทศไทยมีจำนวนบทความใน Scopus สูงกว่าของประเทศสิงคโปร์ในช่วงเวลาเดียวกัน ยิ่งไปกว่านั้น หากพิจารณาเฉพาะบทความไทยที่ปรากฏในวารสารไทยในปีที่ศูนย์ TCI ได้ดำเนินโครงการฯ คือปี 2017-2022 พบว่ามีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง

.

ซึ่งในจำนวนนี้ เป็นบทความที่ปรากฏในวารสารที่เข้าร่วมโครงการฯ จำนวนปีละมากกว่า 2,200 บทความ ส่งผลกระทบในเชิงบวกต่อการจัดอันดับมหาวิทยาลัยไทยในระดับโลก ส่วนในด้านคุณภาพ พบว่าบทความในวารสารไทยมีคุณภาพสูงขึ้นด้วยเช่นกัน โดยพิจารณาจาก journal quartile ที่สูงขึ้นของวารสารในโครงการฯ กล่าวคือ มีวารสารไทยที่อยู่ใน Quartile 1 จำนวน 2 รายการ ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในวงการวารสารวิชาการไทย รวมทั้งมีวารสารใน Quartile 2 จำนวน 7 รายการ Quartile 3 จำนวน 13 รายการ และ Quartile 4 จำนวน 24 รายการ ตามลำดับ การเพิ่มขึ้นของ Journal Quartile นี้สะท้อนให้เห็นถึงคุณภาพที่สูงขึ้นของบทความวิชาการไทยบนเวทีโลกได้อย่างชัดเจน

.

อย่างไรก็ดี เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์ความเป็นมาและผลสัมฤทธิ์ที่เกิดขึ้นจากการดำเนินงานตามโครงการฯ แก่วารสารจำนวน 8 รายการที่มีผลผลิตและผลการดำเนินงานโดดเด่นในช่วงระยะเวลาที่เข้าร่วมโครงการฯ จำนวน 3 ประเภทรางวัล 1.รางวัล Most Improved Percentile Award จำนวน 3 วารสาร ได้แก่

.
- ABAC Journal ของมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ โดยมี ดร.อัปสร มีสิงห์ เป็นบรรณาธิการวารสาร
- Journal of Population and Social Studies ของมหาวิทยาลัยมหิดล โดยมี ศ.เกียรติคุณ ดร.ชื่นฤทัย กาญจนะจิตรา เป็นบรรณาธิการวารสาร
- rEFLections ของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี โดยมี ผศ.ธนิศร์ ตั้งกิจเจริญกุล เป็นบรรณาธิการวารสาร
2 รางวัล High Citation Award จำนวน 3 วารสาร ได้แก่
- Applied Science and Engineering Progress ของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ โดยมี ศ. ดร.สุชาติ เซี่ยงฉิน เป็นบรรณาธิการวารสาร
- Environment and Natural Resources Journal ของมหาวิทยาลัยมหิดล โดยมี รศ.ดร.เบญจภรณ์ ประภักดี เป็นบรรณาธิการวารสาร
- Current Applied Science and Technology ของสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าคุณทหารลาดกระบัง โดยมี รศ.ดร.ดุษณี ธนะบริพัฒน์ เป็นบรรณาธิการวารสาร
3 รางวัล TCI popularity Award จำนวน 2 วารสาร ได้แก่
- Thai Journal of Obstetrics and Gynaecology ของราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทย โดยมี ศ. นพ.วรพงศ์ ภู่พงศ์ เป็นบรรณาธิการวารสาร
- Trends in Sciences ของมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ โดยมี รศ.ดร.พงษ์พิชิต จันทร์นุ้ย เป็นบรรณาธิการวารสาร

.

ที่มา : mgronline https://mgronline.com/science/detail/9660000054018