ในโลกดิจิทัลคำว่า "ซีดี" หรือ "Compact Disc" อาจเป็นสิ่งที่คุ้นเคยสำหรับหลาย ๆ คน ในช่วงปี 2000 แผ่นซีดี ได้รับความนิยมในวงการเพลงและภาพยนตร์เป็นอย่างมาก เป็นปีที่แผ่นซีดีสามารถทำยอดขายในสหรัฐอเมริกาสูงที่สุด ด้วยจำนวนกว่า 942 ล้านแผ่น คิดเป็นมูลค่ากว่า 13,200 ล้านดอลลาร์ อ้างอิงข้อมูลสมาคมผู้ประกอบกิจการเพลงของสหรัฐอเมริกา หรือ อาร์ไอเอเอ (The Recording Industry Association of America: RIAA) โดยลักษณะทางกายภาพของแผ่นซีดี มีรูปร่างกลมแบน ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 4.75 นิ้ว ความหนา 1.2 มิลิเมตร และมีรูตรงกลาง (Hub) 15 มิลลิเมตร องค์ประกอบหลักของแผ่นซีดี คือ พลาสติกโพลีคาร์บอเนต อะลูมิเนียม และสีเคลือบแผ่น แต่คุณรู้หรือไม่ว่ามี "ซีดี" อีกประเภทหนึ่งที่ไม่ได้ใช้สำหรับการจัดเก็บข้อมูลดิจิทัล

     "ซีดี" ทางเคมีหรือที่เรียกว่า "แคดเมียม (Cadmium, Cd) เป็นธาตุโลหะหนักสีเงินขาว แวววาวเป็นสีน้ำเงินจาง ไม่มีกลิ่น แคดเมียมมีความเป็นพิษสูงและสามารถสะสมในร่างกายมนุษย์ได้เมื่อได้รับในปริมาณมาก แหล่งที่พบบ่อยของการสัมผัสแคดเมียม ได้แก่ ควันบุหรี่ อาหารที่ปนเปื้อน และแบตเตอรี่

      แคดเมียม (Cd) ทนทานต่อการสึกกร่อนได้เป็นอย่างดี จึงนิยมนำไปฉาบผิวต่าง ๆ เช่น เหล็ก เหล็กกล้า ทองแดง หรือนิยมใช้เป็นขั้วนำไฟฟ้าในแบตเตอรี่ชนิดที่เติมประจุใหม่ได้ หรืออยู่ในตัวทำวัสดุอุดฟัน ใช้ในการผลิตหลอดเรืองแสง สารกึ่งตัวนำเครื่องเพชรพลอย และในอุตสาหกรรมยานยนต์และเครื่องบิน 

     "ซีดี" ทางการแพทย์หมายถึง "Clostridium difficile" ซึ่งเป็นแบคทีเรียที่ทำให้เกิดอาการท้องร่วงรุนแรง แบคทีเรียนี้อาจพบได้ในลำไส้ของผู้ที่ใช้ยาปฏิชีวนะเป็นเวลานาน แม้ว่าโดยทั่วไปแล้วจะไม่เป็นอันตราย แต่ในบางกรณี C. difficile อาจทำให้เกิดอาการรุนแรง เช่น อาการท้องร่วงเป็นน้ำอย่างรุนแรงและภาวะลำไส้อักเสบ

     "ซีดี" ทางการเงินหมายถึง "Certificate of Deposit" ซึ่งเป็นบัญชีออมทรัพย์ประเภทหนึ่งที่เสนออัตราดอกเบี้ยที่สูงกว่าบัญชีออมทรัพย์ทั่วไป ซีดีมีระยะเวลาที่กำหนดไว้ล่วงหน้า และผู้ฝากจะได้รับโทษหากถอนเงินก่อนกำหนด

     "ซีดี" ทางดนตรีหมายถึง "Coldplay" วงดนตรีร็อกอังกฤษที่ก่อตั้งในปี 1996 วงดนตรีนี้ประสบความสำเร็จอย่างมากในระดับสากล โดยมีเพลงฮิตมากมาย เช่น "Yellow," "Clocks" และ "Viva la Vida"

     "ซีดี" ทางการศึกษาหมายถึง "Child Development" ซึ่งเป็นสาขาสหวิทยาการที่ศึกษาการเจริญเติบโตและพัฒนาการของเด็กตั้งแต่แรกเกิดจนถึงวัยรุ่น สาขานี้ครอบคลุมถึงด้านต่าง ๆ เช่น พัฒนาการทางร่างกาย สติปัญญา อารมณ์ และสังคม

     "ซีดี" มักจะเกี่ยวข้องกับการจัดเก็บข้อมูลดิจิทัล แต่คำนี้ยังใช้ในบริบทอื่น ๆ อีกมากมาย ตั้งแต่เคมี การแพทย์ไปจนถึงการเงินและดนตรี การทำความเข้าใจความหมายที่แตกต่างกันของ "ซีดี" เหล่านี้จะช่วยให้คุณสื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นในหลากหลายสถานการณ์

Tel. : 0 2201 7250-5
e-mail : This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.
Line : @sltd
Facebook : ScienceLibraryDSS
Website : https://siweb.dss.go.th

ขอบคุณข้อมูลจาก
https://saranukromthai.or.th/sub/book/book.php
https://www.bangkokbiznews.com/lifestyle
http://recycle.dpim.go.th/wastelist/waste-detail.php

   ในยุคดิจิทัลที่สื่อสังคมออนไลน์มีบทบาทสำคัญในการสื่อสารและรับข้อมูลข่าวสาร การบริโภคข่าวสารและความรู้ผ่านช่องทางเหล่านี้อย่างเท่าทันจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อให้เราได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง เชื่อถือได้ และเป็นประโยชน์ต่อการตัดสินใจและการดำเนินชีวิต ขอแนะนำวิธีที่จะช่วยให้บริโภคข่าวสารแบบง่าย ๆ ดังนี้

   1. ตรวจสอบแหล่งที่มา : ก่อนที่จะเชื่อหรือแชร์ข้อมูล ให้พิจารณาจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ เช่น เว็บไซต์ข่าวที่มีชื่อเสียง สถาบันการศึกษา หรือหน่วยงานราชการ ฯลฯ หลีกเลี่ยงการรับข้อมูลที่ไม่ระบุที่มาชัดเจน
   2. อ่านอย่างรอบคอบ : อย่ารีบอ่านหรือแชร์ข้อมูลโดยไม่พิจารณาอย่างรอบคอบ ประเมินความน่าเชื่อถือและพิจารณาการนำเสนออย่างเป็นกลางและปราศจากอคติหรือไม่
   3. ตรวจสอบความเที่ยงตรง : ระวังข่าวลือและข้อมูลที่ไม่ได้รับการยืนยัน ตรวจสอบข้อเท็จจริงกับแหล่งข่าวอื่น ๆ ว่าสอดคล้องกันหรือไม่ หากพบข้อมูลที่ขัดแย้งหรือดูน่าสงสัย ให้ตรวจสอบความเที่ยงตรงจากแหล่งอื่น ๆ เพิ่มเติม
   4. ตรวจสอบความเป็นปัจจุบัน : พิจารณาข้อมูลข่าวสาร เช่น ข้อมูลบางอย่างล้าสมัยไม่เป็นปัจจุบัน หรือไม่ ตรวจสอบวันที่เผยแพร่หรืออัปเดตล่าสุดเพื่อให้แน่ใจว่าข้อมูลที่ได้รับยังคงมีความเกี่ยวข้อง
   5. ระมัดระวังข่าวปลอม : ข่าวปลอมหรือข้อมูลที่บิดเบือนอาจแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว เราสามารถตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลได้ เช่น ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม Google Fact Check หรือ Snopes เป็นต้น
   6. ติดตามผู้เชี่ยวชาญ : ติดตามผู้เชี่ยวชาญในสาขาต่าง ๆ บนสื่อสังคมออนไลน์เพื่อรับข้อมูลและความรู้ที่น่าเชื่อถือจากแหล่งโดยตรง
   7. มีวิจารณญาณ : สิ่งสำคัญที่สุดในการบริโภคข่าวสารและความรู้ผ่านสื่อสังคมออนไลน์คือการมีวิจารณญาณ พิจารณาข้อมูลอย่างรอบคอบ คิดวิเคราะห์ และไม่เชื่อหรือแชร์ข้อมูลใด ๆ โดยไม่ตรวจสอบความถูกต้องก่อน

   การบริโภคข่าวสารและความรู้ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ในยุคปัจจุบัน เพื่อให้การรับข้อมูลข่าวสารและความรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ หลีกเลี่ยงการตกเป็นเหยื่อของข้อมูลที่ไม่ถูกต้องหรือข่าวปลอม รู้จักสังเกตข่าวใช้วิจารณญาณดูข้อมูลจากหลายแหล่งมาประกอบ เพื่อจะได้ไม่ตกเป็นเหยื่อข่าวปลอมหรือข้อมูลที่บิดเบือนและทำให้เกิดความสับสนหรือตื่นตระหนก 

  🌟นอกจากนี้ ผู้ใช้บริการสามารถติดตามสารสนเทศใหม่ ๆ ที่น่าสนใจได้จากบัญชีรายชื่อเอกสารใหม่อิเล็กทรอนิกส์ (e-New list) ได้ที่ https://www.dss.go.th/a/qr/mPyEw หรือขอรับบริการจัดหาเอกสาร ฉบับเต็ม โดยสอบถามเพิ่มเติมที่ One Stop Service หอสมุดวิทยาศาสตร์ ดร.ตั้ว ลพานุกรม

☎️ Tel. : 0 2201 7250-5
 Line : @sltd
🔵 Facebook : ScienceLibraryDSS
📨 e-mail : This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.
🌐 Website : https://siweb.dss.go.th

     เอาล่ะครับ เชื่อว่าทุกท่านล้วนมีประสบการณ์ในการฝันมากันหมดแบบที่หลีกเลี่ยงหรือกำหนดเองไม่ได้เลย บางฝันมันช่างหลุดโลกเหนือธรรมชาติ เหนือจินตนาการเกินกว่าจะบรรยายได้หมด แถมยังมีความเชื่อมากมายเกี่ยวกับฝัน ที่มักจะส่งผลต่อความรู้สึกของเราเมื่อตื่นจากความฝันอีกด้วย แล้วความฝันบอกอะไรกับเราล่ะ

     ในทางวิทยาศาสตร์ “ความฝัน” คือภาวะอย่างหนึ่งที่เกิดขึ้นในขณะที่เราหลับ โดยสมองจะฉายภาพสิ่งต่าง ๆ ทั้งที่มีอยู่จริงหรือไม่มีอยู่จริงขึ้นมา และแม้ว่านักวิทยาศาสตร์จะพยายามศึกษาเกี่ยวกับความฝันมากเท่าไหร่ แต่ก็ยังไม่สามารถอธิบายข้อเท็จจริงเกี่ยวกับความฝันได้อย่างแน่ชัด แต่หลาย ๆ ทฤษฎีก็เชื่อว่าความฝันมาจากจิตใต้สำนึกลึก ๆ ของคนเรานี่แหละ ที่อาจมีความกังวลหรือมีอะไรอยู่ภายในใจ ซึ่งสะท้อนออกมาในรูปแบบของความฝันโดยไม่รู้ตัว

     ในทางจิตวิทยาแล้วได้มีผู้ศึกษาเกี่ยวกับเรื่องความฝันอยู่บ้าง โดยเฉพาะผลงานของเอียน วอลเลซ  (Ian Wallace)  นักจิตวิทยาผู้ศึกษาเกี่ยวกับจิตใต้สำนึก ที่มองว่าความฝันนั้นคือการบ่งบอกถึงความรู้สึกลึก ๆ ของมนุษย์ เป็นสิ่งที่เราสร้างขึ้นมาเอง โดยเขาใช้เวลามากกว่า 30 ปี ในการศึกษาความฝันกว่า 150,000 ฝัน จนได้ข้อสังเกตว่าความฝันอาจจะมีรูปแบบที่คอยกำหนดลักษณะของความฝันนั้น ๆ อยู่ จึงทำให้เราสามารถจำแนกความฝันที่คล้ายกันออกเป็นสาเหตุต่าง ๆ ได้ เช่น

     • ฝันว่าตกจากที่สูง อาจจะหมายถึงเรากำลังจดจ่อกับบางสิ่งบางอย่างมากเกินไป
     • ฝันว่าบินได้ แปลว่าเรากำลังปล่อยตัวให้เป็นอิสระจากบางอย่างที่ทำให้รู้สึกแย่
     • ฝันว่าฟันหลุด ความฝันนี้พบมากเป็นอันดับ 2 เลยทีเดียว โดยฝันนี้หมายถึงเรากำลังเผชิญหน้ากับสถานการณ์บางอย่างที่ทำให้เราเสียความมั่นใจไป
     • ฝันว่าโดนวิ่งไล่ แปลว่า เรากำลังมีเหตุการณ์บางอย่างที่เราต้องเผชิญหรือต่อสู้กับมัน แต่ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี

     บางท่านอาจจะจดจำความฝันของตนเองได้ หรือไม่ได้ก็ตามเมื่อตื่นขึ้นมาแล้ว แต่ถ้าหากฝันดีเราก็จะมีความสุข เช่น ฝันว่างูรัด เขาว่าจะพบเจอเนื้อคู่หรือแฟนที่เราคาดหวังไว้ ถ้าหากฝันร้ายส่วนใหญ่มักก็จะบอกว่าฝันร้ายจะกลายเป็นดี สรุปแล้วทุกความฝันนั้นดีหมดอยู่ที่เราจะตีความและยอมรับได้ อย่างไรก็ตามความฝันนั้นเป็นเพียงสิ่งที่เกิดขึ้นภายในสมอง หรือความคิดของเราเองเท่านั้น อาจมีเรื่องราวที่ให้ความรู้สึกสนุก มีความสุข หรือความทุกข์ก็ได้ แต่ล้วนไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นจริง ดังนั้น จึงไม่ควรตื่นตระหนกหรือวิตกกังวลกับความฝันมากเกินไป ควรอยู่กับปัจจุบันแบบตื่นรู้ สุดท้ายแล้วถ้าหากความฝันนั้นมีผลกระทบต่อจิตใจหรือการดำรงชีวิตของเรามากเกินไปก็ควรที่จะปรึกษานักจิตวิทยาและจิตแพทย์เพื่อตรวจสอบหาสาเหตุและแก้ไขต่อไปด้วยนะ

     “แต่ถ้าหากฝันเห็นเลขเด็ด ก็ทักมาบอกกันบ้างนะ รอที่จะซื้อตามเลยยยย” ฝันดีนะ :)

Tel. : 0 2201 7250-5
e-mail : This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.
Line : @sltd
Facebook : ScienceLibraryDSS
Website : https://siweb.dss.go.th

ขอบคุณข้อมูลจาก
https://ooca.co/blog/dreams-mean/
https://www.pobpad.com/ฝัน-เรื่องลึกลับของสมอง

     "มูเตลู" เป็นคำที่ใช้กันแพร่หลายในปัจจุบัน มักเกี่ยวข้องกับความเชื่อเรื่องการเสริมดวง และการบูชาของขลังต่างๆ ตามความเชื่อส่วนบุคคล โดยเรามักจะเรียกผู้ที่สนใจในเรื่องเหล่านี้ว่า "สายมู" (คำย่อของ สายมูเตลู) แต่เคยสงสัยกันไหมว่า จริงๆ แล้วคำว่า "มูเตลู" มีความหมายว่าอะไร และมีที่มาอย่างไร ติดตามได้จากบทความนี้

     เรามาทำความรู้จัก "มูเตลู" คืออะไร คำนี้มีที่มาจากไหน
     มูเตลู คือ สิ่งที่เกี่ยวข้องกับความเชื่อ เรื่องลี้ลับ ของขลัง ไสยศาสตร์ โหราศาสตร์ การดูไพ่ การเสริมดวงและโชคชะตา การบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ ซึ่งจริงๆ แล้ว ในปัจจุบัน "มูเตลู" ก็เป็นการหลอมรวมความเชื่อพุทธ พราหมณ์ การนับถือผีและสิ่งเร้นลับเข้าด้วยกัน จนกลายเป็นความเชื่อที่เสริมกำลังใจผู้นับถือบูชาให้สมหวังในสิ่งที่มุ่งหวัง เช่น มูเตลูด้านการงาน การเงิน และความรัก

     ส่วนที่มาของคำว่า "มูเตลู" มาจากภาพยนตร์สยองขวัญสัญชาติอินโดนีเซีย ซึ่งมีชื่อเรื่องว่า มูเตลู ศึกไสยศาสตร์ (Penangkal Ilmu Teluh : เปอนังกัล อิล"มู เตอลูห์) ออกฉายครั้งแรกในปี 1979 เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับหญิงสาว 2 คน ที่หมายปองชายหนุ่มคนเดียวกัน พวกเธอต่างใช้มนตร์ดำร่ายคาถาให้ชายหนุ่มคนนั้นหลงรัก โดยการท่องคาถามีคำว่า "มูเตลู มูเตลู" รวมอยู่ด้วย ซึ่งหมายถึงการใช้ไสยศาสตร์นั่นเอง

     แต่เมื่อเวลาผ่านไปหลายสิบปี ความเชื่อที่เกี่ยวข้องกับโหราศาสตร์ การลงนะหน้าทอง การเจิมมือ เสริมดวงชะตาของขลัง วัตถุมงคล การเสริมดวง หรือสิ่งเหนือธรรมชาติต่างๆ มักถูกเหมารวมเป็นความเชื่อในลักษณะเดียวกัน และกลายเป็นที่มาของคำว่า “มูเตลู” ที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบันนั่นเอง แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ความไม่แน่นอนด้านเศรษฐกิจ รวมถึงสถานการณ์โควิด-19 ที่ส่งผลกระทบต่อหลายๆ คน ในหลายด้าน ก็อาจทำให้คนไทยบางส่วนหันมาหาที่พึ่งทางจิตใจเพื่อเสริมขวัญและกำลังใจกันมากขึ้นนั่นเอง

    อย่างไรก็ตามการที่จะมูเตลู ถือเป็นความเชื่อส่วนบุคคล หากเราทำดี คิดดี พูดดี ปฏิบัติดี ไม่ผิดศีลธรรม ขอให้จงเชื่อเถอะว่าไม่ว่าจะสายมูเตลูขั้นไหน ความดีก็จะชนะทุกสิ่ง จงเชื่อว่า “ทำดีย่อมได้ดี ทำชั่วยอมได้ชั่ว”

Tel. : 0 2201 7250-5
e-mail : This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.
Line : @sltd
Facebook : ScienceLibraryDSS
Website : https://siweb.dss.go.th

ขอขอบคุณข้อมูลจาก
https://www.thairath.co.th/horoscope/belief/2355760

โรคยอดฮิตของหนุ่มสาววัยทำงาน ทั้งหลายที่มักจะเกิดอาการปวดและชาตามมือหรือเท้าบ้าง หากถ้าเคยมีอาการเหล่านี้อย่าได้นิ่งนอนใจ เพราะนี่ อาจเป็นสัญญานของโรคปลายประสาทอักเสบ โรคร้ายที่ใกล้ตัวที่ไม่ควรมองข้าม โรคปลายประสาทอักเสบ (Peripheral Neuropathy) เป็นโรคทางระบบประสาทส่วนปลาย ซึ่งทำหน้าที่รับส่งคำสั่งจากสมอง ไขสันหลังไปยังอวัยวะต่าง ๆ เกิดความเสียหาย เกิดการบาดเจ็บ เกิดการติดเชื้อ ปัญหาการเผาผลาญ หรือโรคเบาหวาน ส่งผลให้ร่างกายอ่อนแรง รู้สึกชา และปวด มักจะเกิดขึ้นบริเวณมือและเท้าเป็นส่วนใหญ่ นอกจากนี้ยังส่งผลกระทบไปถึงการทำงานส่วนอื่น ๆ ในร่างกาย เช่น ระบบย่อยอาหาร และการไหลเวียนของเลือด

อาการที่พบบ่อยของโรคปลายประสาทอักเสบ
  - เริ่มมีอาการชา เหน็บ หรือรู้สึกเสียวที่เท้า
  - กล้ามเนื้ออ่อนแรง โดยเฉพาะที่เท้า
  - ปวดแสบปวดร้อนบริเวณที่ได้รับผลกระทบ

***อาการทั้งหลายข้างต้นมักจะเกิดขึ้นตลอดเวลา แต่อาจเป็นแล้วหายไปได้เอง หรือเป็นๆ หายๆ***
สามารถพบได้ในคนที่มีอายุเฉลี่ย 30 ปีขึ้นไป และกลุ่มเสี่ยงที่มีโอกาสเกิดโรคนี้ได้แก่
  - ผู้ป่วยโรคเบาหวาน เป็นสาเหตุที่พบบ่อยที่สุด ผู้ป่วยโรคเบาหวานมากกว่า 50% มีโอกาสเป็นโรคปลายประสาทอักเสบเบาหวาน
  - เนื้องอกและมะเร็ง ที่กระจายไปยังเส้นประสาทหรือกดทับเส้นประสาท
  - ดื่มสุราหรือแอลกอฮอลล์เป็นประจำ
  - สูบบุหรี่
  - รับประทานอาหารไม่ครบ 5 หมู่

หากท่านใดสงสัยว่าปลายประสาทอักเสบสามารถเกิดได้จากสาเหตุใดบ้าง และหากท่านกำลังสงสัยว่าอาการที่เป็นอยู่เกิดจากปลายประสาทอักเสบหรือไม่ สามารถอ่านต่อได้ที่
ห้องสมุดอีบุ๊ค Science e-Book Library https://ebook.dss.go.th/
และยังมีหนังสือที่น่าสนใจอีกมากมาย

Tel. : 0 2201 7250-5
e-mail : This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.
Line : @sltd
Facebook : ScienceLibraryDSS
Website : https://siweb.dss.go.th