ประวัติ พระยาประสาทธาตุการย์

อำมาตย์เอก พระยาประสาทธาตุการย์ (กิมปี๊ ประนิช)

ระยาประสาทธาตุการย์ เกิดเมื่อวันที่ ๑๔ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๓๓ ณ ตำบลตลาดน้อย อำเภอสัมพันธวงศ์ จังหวัดพระนคร เป็นบุตรคนโตของหลวงพิไชยวารี (สุย ประนิช) และนางเวียน พิไชยวารี (นามสกุลเดิม พลางกูร) มีน้องร่วมบิดามารดากัน ๒ คน คือ

  • หลวงทรงวิทยาศาสตร์
  • คุณหญิงนุ่มพลางกูรธรรมวิจัย

ได้ทำการสมรสกับ คุณหญิงประสาทธาตุการย์ เมื่อวันที่ ๑๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๕๙ และมีบุตรธิดาร่วมกัน ๘ คน ดังต่อไปนี้

  • นายแพทย์ อุดม ประนิช
  • นางจำรัสรัตน์ พิชัยชาญณรงศ์
  • นายกนก ประนิช
  • นายอำนวย ประนิช
  • นายแพทย์ขจร ประนิช
  • นางนิ่มนวล สีตะธนี ถึงแก่กรรม
  • นางชูศรี เสถียรไทย
  • นางอังกาบ บุณยัษฐิติ

พระยาประสาทธาตุการย์เริ่มการศึกษาขั้นต้นในโรงเรียนอัสสัมชัญและศึกษาชั้นมัธยมศึกษาต่อในโรงเรียนราชวิทยาลัยจนจบชั้นมัธยมพิเศษของกระทรวงธรรมการ ในปี พ.ศ. ๒๔๕๐ พ.ศ. ๒๔๕๒ สอบได้ที่ ๑ และได้รับประกาศนียบัตรโรงเรียนเกษตร ในปี พ.ศ. ๒๔๕๒ ได้สอบชิงทุนและได้รับพระราชทานทุนของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ไปศึกษาต่อ ณ สหรัฐอเมริกา ในขั้นต้นได้เข้ารับการศึกษาในโรงเรียน The Washington Collegiate School และได้รับรางวัลที่ ๑ ฝ่ายวิชาคณิตศาสตร์ และฟิสิกซ์ (Physics) ได้รับการชมเชยทั้งภายในและภายนอกประเทศ จนมีหนังสือพิมพ์ไทยนำข่าวมาลง ดังข้อความที่ถ่ายมานี้

พระยาประสาทธาตุการย์

ข่าวน่ายินดี

เราได้ทราบข่าวจากหนังสือพิมพ์ต่างประเทศ ชื่อ วอชิงตัน โปลต ซึ่งได้ลงเมื่อวันที่ ๘ เดือนมิถุนายนศกนี้ กล่าวถึงเรื่องการประชุมแจกรางวัลแลประกาศนียบัตรนักเรียน ที่โรงเรียรนกรุงวอชิงตัน เมื่อเวลาจะปิดเทอมสิ้นปี ในข่าวนั้นปรากฎว่านายกิมปี๊ นักเรียนโรงเรียนเกษตร ซึ่งกระทรวงเกษตราธิการได้ส่งออกไปศึกษาวิชา ณ ประเทศอเมริกานั้น นอกจากได้รับรางวัลตามธรรมดาแล้ว ยังได้รับรางวัลพิเศษ อันเป็นรางวัลเอก สำหรับผู้ที่เล่าเรียนวิชาความรู้สูงกว่านักเรียนอื่น ๆ เมื่อเวลาที่นายกิมปี๊ได้รับรางวัลนั้น บรรดานักเรียนอื่น ๆ ได้โห่ร้องแสดงความสรรเสริญยินดีขึ้นพร้อมกัน เพราะฉะนั้นจึงเป็นที่น่ายินดีสำหรับชาวเราอย่างยิ่ง ที่นักเรียนไทยได้แสดงวุฒิความสามารถในการเล่าเรียนวิชาในต่างประเทศ จนได้รับรางวัลชั้นสูงที่สุด แลได้รับความสรรเสริญของชาวต่างประเทศด้วย หวังว่านักเรียนไทยอื่น ๆ ที่ออกไปศึกษาวิชายังต่างประเทศคงจะพยายามเล่าเรียนวิชาจนได้รับชื่อเสียงอย่างนายกิมปี๊บ้าง

ปี พ.ศ. ๒๔๕๓ ได้เข้าศึกษาในมหาวิทยาลัย Cornell ในมลรัฐ New York สอบไล่ได้ชั้นปริญญาตรีในแขนงวิชาเคมี ในปี พ.ศ. ๒๔๕๗ (ค.ศ. ๑๙๑๔) โดยทำคะแนนได้ดีเยี่ยม จนได้รับเลือกเข้าเป็นสมชิกของสมาคม Honorary Scientific Society of Sigma Xi ซึ่งภายหลังสมาคมนี้รวมเข้ากับสมาคม The National American Academy of Science และสมาคมนี้ได้มอบกุญแจทองคำไว้ให้เป็นการแสดงความสามารถของผู้ที่ได้รับ

กุญแจทองคำ สมาคม Honorary Scientific Society of Sigma Xi

ภาพห้องปฏิบัติการของศาลาแยกธาตุ

ปี พ.ศ. ๒๔๕๘ (ค.ศ. ๑๙๑๕) ได้รับปริญญาโท (Master of Arts) ทางแขนงวิชาเคมี เมื่อจบการศึกษาในต่างประเทศแล้วก็กลับเข้ามารับราชการต่อ ดำรงตำแหน่งอาจารย์โท สังกัดจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยกระทรวงธรรมการ ปี พ.ศ. ๒๔๕๙ ได้เลือกเป็นอาจารย์เอก และในปี พ.ศ. ๒๔๖๐ ได้รับโอนไปดำรงตำแหน่งผู้แยกธาตุ สังกัดกระทรวงมหาดไทย และ พ.ศ. ๒๔๖๑ ได้รับมอบตำแหน่งเจ้าพนักงานแยกธาตุสังกัดกรมพาณิชย์ กระทรวงพระคลัง (ภายหลังได้เปลี่ยนเป็นกระทรวงพาณิชย์) และรับราชการในสังกัดกระทรวงนี้เรื่อยไปจนลาออกจากราชการในปี พ.ศ. ๒๔๗๗ เมื่ออายุได้ ๔๔ ปี โดยได้รับการเลื่อนตำแหน่งเป็นลำดับดังต่อไปนี้
     พ.ศ. ๒๔๖๔ ได้รับตำแหน่งผู้ช่วยฝ่ายไทย
     พ.ศ. ๒๔๖๖ ได้รับตำแหน่ง ผู้ช่วยเจ้ากรมแยกธาตุ ศาลาแยกธาตุ
     พ.ศ. ๒๔๗๕ ได้รับตำแหน่งเจ้ากรมแยกธาตุ
     พ.ศ. ๒๔๗๗ ได้รับตำแหน่ง อธิบดี ในระยะเวลาที่พระยาประสาทธาตุการย์ได้รับราชการอยู่นี้ได้ทำราชการพิเศษดังนี้คือ
     พ.ศ. ๒๔๖๑ เป็นผู้ช่วยนายมาร์กัน (ผู้เชี่ยวชาญ ชาวต่างประเทศ) ในกองแยกธาตุเป็นผู้ช่วยทำการของแผนกโอสถศาลารัฐบาล
     พ.ศ. ๒๔๖๖ ช่วยกิจการของกรมอากาศยานในการแยกธาตุและ คิดค้นส่วนผสมน้ำยาต่าง ๆ

เป็นผู้คิดน้ำยาล้างลูกโลกราชบรรณาการของสมเด็จพระนางวิกตอเรียแห่งประเทศอังกฤษ ที่นำถวายพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อ พ.ศ. ๒๓๙๘ แต่มืดมัวไม่เห็นมาช้านาน พระยาประสาทธาตุการย์เป็นผู้คิดน้ำยาล้างได้จนเห็นเป็นรูปภาพ และตั้งไว้ในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนครในปัจจุบัน*1 ผลสำเร็จในการค้นคว้าครั้งนี้ได้รับการพิมพ์ประกาศในหนังสือพิมพ์ ฉบับหนึ่ง มีใจความดังต่อไปนี้

ภาพลูกโลกดาวที่ตั้งไว้ในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนครในปัจจุบัน

THE NATIONAL MUSEUM AN INTERESTING RESTORATION
     The two large globes to be seen in the Museum have for a long time possessed a mahogany-coloured surface of old vanish which completely obscured their purpose
     Some time ago Prince Damrong interested himself in an endeavour to clean and restore these globes. But the vanish was found to be very hard to remove, and His Royal Highness had them sent to the Government Laboratory. The work of restoration was undertaken by the Acting-Director, Phra Prasad Dhatukaraya and has just been brought to a successful conclusion. The opaque vanish has been completely removed and replaced by a colourless vanish so that the surfaces of the globes now approximate to their original condition and, although the colours have fades somewhat, all the printing can be clearly distinguished.


ในชีวิตราชการ พระยาประสาทธาตุการย์ ได้รับพระราชทานยศบรรดาศักดิ์ ดังต่อไปนี้

          พ.ศ. ๒๔๕๙ เป็น รองเสวกเอก หลวงเพียรพิทยาศาสตร์

          พ.ศ. ๒๔๖๒ เป็น อำมาตย์ตรี หลวงเพียรพิทยาศาสตร์

          พ.ศ. ๒๔๖๓ เป็น อำมาตย์เอก หลวงเพียรพิทยาศาสตร์

          พ.ศ. ๒๔๖๕ เป็น อำมาตย์เอก พระประสาทธาตุการย์

          พ.ศ. ๒๔๗๔ เป็น อำมาตย์เอก พระยาประสาทธาตุการย์

เครื่องราชอิสริยาภรณ์

          พ.ศ. ๒๔๖๐ ได้รับช้างเผือกชั้น ๕

          พ.ศ. ๒๔๖๒ ได้รับจัตุรถาภรณ์มงกุฎสยาม ชั้น ๔

          พ.ศ. ๒๔๖๖ ได้รับจัตุถาภรณ์ช้างเผือก ชั้น ๔

          พ.ศ. ๒๔๗๐ ได้รับคริตาภรณ์ มงกุฎสยาม ชั้น ๓

          วันที่ ๘ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๖๙ ได้รับเหรียญดุษฎีมาลาการค้นคว้า
           - A New Methods for the Determination of Zinc and Alloys
           - The Study with application of Phase Rule, Pressures,  Temperatures and Concentration of Ag2 So4 and NH3

        ตลอดชีวิตพระยาประสาทธาตุการย์เป็นผู้เลื่อมใสในพระพุทธศาสนา เมื่อ พ.ศ. ๒๔๔๕ ได้อุปสมบทเป็นสามเณร ณ วัดโสมนัสวิหารและ พ.ศ. ๒๔๗๐ ได้รับอุปสมบทเป็นพระภิกษุ ณ วัดบวรนิเวศวิหาร โดยมีสมเด็จพระสังฆราชเจ้ากรมหลวงวชิรญาณวงศ์ (ม.ร.ว. ชื่น นพวงศ์สุจิต̣โต ป ๗) เป็นพระอุปัชฌาย์ และพระศาสนโศภน เป็นพระพี่เลี้ยงนอกจากนั้นท่านยังได้มีจิตศรัทธาสร้างพระประธานและพระอุโบสถ ซึ่งมีชื่อว่าพระอุโบสถ “พระประสาทธาตุการย์” ณ วัด บุญกัญญาวาส จังหวัดอยุธยา ตลอดเวลาจนกระทั้งถึงวาระสุดท้าย พระยาประสาทธาตุการย์เป็นผู้ที่เคร่งครัดในพระพุทธศาสนา สวดมนต์ไหว้พระเช้าและเย็นเป็นประจำทุกวัน แม้กระทั้งเวลาล้มป่วยลงก็มิได้ขาด ต้องหาดอกไม้ธูปเทียนไปให้บูชาพระในขณะที่ท่านนอนป่วยอยู่ และก่อนหน้าที่ท่านจะถึงแก่อนิจกรรมเพียง ๒ ชั่วโมง ท่านก็ขอสวดมนต์ไหว้พระเสียก่อน

        ตลอดชีวิตของท่าน ท่านมีความห่วงใยในครอบครัวของท่านมากเมื่อตอนที่บุตรธิดายังเยาว์วัยกันอยู่ท่านคอยพร่ำสอนให้ขยันหมั่นเพียรเล่าเรียนหนังสือ และให้ยึดหมั่นในความซื่อสัตย์ สุจริต ให้มีกตัญญูกตเวทีต่อองค์ประมุขและผู้ที่มีพระคุณทุกท่าน แม้กระทั้งขณะที่ท่านเจ็บป่วยอยู่ท่านก็สอนลูก ๆ อยู่เป็นนิจ ให้เป็นผู้ที่รักษาหน้าที่และให้มีความซื่อสัตย์กตัญญู เฉพาะอย่างยิ่ง ต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระบรมราชินีนาถ เมื่อก่อนท่านจะถึงแก่อนิจกรรมเป็นเวลาเพียงเล็กน้อยท่านยังให้คติแก่ลูก ๆ ให้สำนึกไว้ว่า “Guilty is the best” เพราะท่านถือว่าตราบใดที่เรารู้สึกสำนึกผิดได้เราจะมีความยับยั้งในการกระทำชั่วได้เช่นกัน

        เนื่องจากพระยาประสาทธาตุการย์เป็นผู้ที่ยึดหมั่นในพระพุทธศาสนาและความซื่อสัตย์สุจริต และความกตัญญูกตเวทีอยู่เสมอ จึงทำให้ท่านรู้สึกตัวและได้สติ ร่ำลาครอบครัว แม้กระทั้งนายแพทย์ผู้ให้การเยียวยาอยู่อย่างใกล้ชิด และมิได้รู้สึกเจ็บปวดแต่ประการใดเลย ก่อนที่ท่านจะถึงแก่อนิจกรรม

        พระยาประสาทธาตุการย์ล้มป่วยลงเมื่อต้นเดือนพฤศจิกายนด้วยโรคท้องเพียงเล็กน้อย โดยปรกติท่านเป็นผู้ที่สมบูรณ์แข็งแรง ไม่เคยล้มเจ็บนอกจากเป็นหวัดเพียงเล็ก ๆ น้อย ๆ เท่านั้น ในราวกลางเดือนพฤศจิกายนท่านเริ่มมีโรคแทรก จนลูกที่เป็นนายแพทย์อยู่เห็นสมควรที่จะพาท่านไปรับการรักษาพยาบาลในโรงพยาบาล ประจวบกับศาสตราจารย์ ม.ล. เกษตร สนิทวงศ์ได้อัญเชิญพระกระแสรับสั่งในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระบรมราชินีนาถ ขอให้พระยาประสาทธาตุการย์เข้ารับการเยียวยาในโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ เนื่องจากพระยาประสาทธาตุการย์เป็นผู้ที่มีความจงรักภักดีและซื่อสัตย์สุจริตต่อองค์ประมุขเสมอมา ท่านจึงปิติยินดีและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณล้นเกล้าล้นกระหม่อมหาที่สุดมิได้ และรีบเข้ารับการรักษาพยาบาล ณ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ทันที เมื่อวันที่ ๒๖ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๑๒ ระหว่างที่พระยาประสาทธาตุการย์ล้มป่วยลงนี้ ตั้งแต่ยังรับการรักษาพยาบาลอยู่ที่บ้านจนกระทั้งเข้าโรงพยาบาลก็ได้รับพระมหากรุณาธิคุณในสมเด็จพระบรมราชินีนาถตลอดมา โดยทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ พระราชทานดอกไม้ถึง ๓ ครั้ง คือ

          วันที่ ๕ พฤศจิกายน ๒๕๑๒

          วันที่ ๙ พฤศจิกายน ๒๕๑๒

          วันที่ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๑๒

          นอกจากนั้นเมื่อก่อนหน้าพระยาประสาทธาตุการย์ จะถึงแก่อนิจกรรมเพียงไม่ถึง ๕ นาที ก็ได้รับพระราชทานกระเช้าดอกไม้จากสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอเจ้าฟ้าวชิราลงกรณ์

          พระยาประสาทธาตุการย์รู้สึกซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นเกล้า ฯ ทุกครั้งที่ได้รับพระราชทานดอกไม้ ท่านจะรู้สึกปิติอย่างสุดซึ้งจนทำให้รู้สึกแจ่มใสและมีอาการดีขึ้น

          ระหว่างที่พระยาประสาทธาตุการย์รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลนั้นก็ได้รับการรักษาพยาบาลและเอาใจใส่เป็นอย่างดีเยี่ยมจากนายแพทย์ผู้สามารถหลายท่านของโรงพยาบาล แต่เนื่องจากท่านชราจึงทำให้ท่านไม่สามารถจะต่อสู้กับการรุกรานของโรคร้ายได้ และถึงแก่อนิจกรรมด้วยอาการสงบเมื่อเวลา ๑๑.๔๕ น. ของวันพุธที่ ๑๗ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๑๒ หลังจากที่ได้ไหว้พระสวดมนต์และร่ำลาครอบครัวแล้ว สิริรวมอายุได้ ๗๙ ปี ๕ เดือน

ภาพธนบัตรแบบสิบห้า รุ่น ๑ ชนิด ๕๐ บาท พิมพ์บนวัสดุพอลิเมอร์
ภาพธนบัตรแบบสิบห้า รุ่น ๑ ชนิด ๕๐ บาท พิมพ์บนกระดาษ
*1 ธนบัตรแบบสิบห้า ชนิด ๕๐ บาท รุ่น ๑ มี ๒ ชนิด ชนิดที่ ๑ เริ่มออกใช้วันที่ ๑๘ สิงหาคม ๒๕๔๐ พิมพ์บนวัสดุพอลิเมอร์ และชนิดที่ ๒ เริ่มออกใช้วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๔๗ พิมพ์บนกระดาษ ด้านหลังธนบัตรจะมีลูกโลกดาว เครื่องราชบรรณาการจาก สมเด็จพระนางเจ้าวิกตอเรีย แห่งอังกฤษ ส่งมาถวายเมื่อพุทธศักราช ๒๓๙๘

อ้างอิง : ธนาคารแห่งประเทศไทย.(2545). 100 ปี ธนบัตรไทย 2445-2545. กรุงเทพฯ : ธนาคาร.